จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2556

การใช้ Articles a, an, the

 
การใช้ Articles a, an, the
คำ article แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ
A. Indefinite Article ได้แก่ a, an (ใช้กับคำนามนับได้ที่ไม่เจาะจง)
B. Definite Article ได้แก่ the
(ใช้กับคำนามนับได้ที่เจาะจง)

A. Indefinite Article ได้แก่ a, an
หลักการใช้ a, an
1. ใช้ an นำหน้าคำที่ขึ้นต้นด้วยสระ a, e, i, o,u หรือออกเสียงสระไม่ว่าจะเขียนขึ้นต้น
ด้วยพยัญชนะก็ตามเช่น
an elephant, an hour, an umbrella, an apple
2. ใช้ a, an นำหน้าคำนามเอกพจน์ที่นับได้เสมอที่มีความหมายเป็น"หนึ่ง"
She has a dog.
Give me an apple.
This is a durian.
3. ใช้ a, an นำหน้าคำที่บอกอาชีพ
I am a student .
I want to be a teacher.
4. ใช้ a, an นำหน้านามเอกพจน์ที่แปลเป็นต่อ...(หน่วย)
Oranges cost 50 baht a kilogram.
5. ใช้ a กับการเจ็บไข้ได้ป่วยเช่น
a stomachache, a headache, a fever
I have eaten papaya salad at lunch and now I have a stomachache.
6. ใช้ a, an ในประโยคอุทานตามหลัง what เช่น
What is this ? It’s a pear.
B. Definite Article ได้แก่ the
หลักการใช้ the
1. ใช้กับคำนามนับได้เอกพจน์และพหูพจน์ที่เป็นการชี้เฉพาะเจาะจงลงไปว่าคนไหน
อันไหน สิ่งไหน
2. ใช้ the นำหน้าคำนามที่มีสิ่งเดียว
the sun, the moon, the sky
3. ใช้ the นำหน้าชื่อครอบครัวเช่น
The Browns, The Lees
4. ตามปกติเราใช้ the นำหน้าชื่อหนังสือพิมพ์เช่น
The Nation, The Times, The Sun
5. ใช้ the กับชื่อ สถานที่
ทะเล the Pacific
เทือกเขา the Himalayas
แม่นํ้า the Mississippi
ทะเลทราย the Sahara
โรงแรม the Plaza Hotel
โรงหนังโรงละคร the Playhouse
พิพิธภัณฑ์ the National Museum
ชื่อประเทศที่มีคำว่า Republic , Kingdom , State
6. ใช้ the เมื่อเราพูดโดยทั่วไปในเรื่องเครื่องดนตรี
the piano
I play the guitar.
7. ใช้ the ก่อนคำว่า same
Your shirt is the same color as mine.
8. ใช้ the + คำคุณศัพท์เมื่อกล่าวถึงกลุ่มบุคคลเป็นพิเศษ
the rich, the sick, the poor
9. ใช้ the กับคำนามที่เราได้กล่าวมาแล้วทั้งผู้พูดและผู้ฟังรู้ว่ากำลังคิดถึงสิ่งใด
ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Article a, an และ the
1. There is a plate one the table. มีจานอยู่บนโต๊ะ 1 ใบ
2. I am a student. ฉันเป็นนักเรียน
3.There is a little salt in the bottle. มีเกลืออยู่เล็กน้อยในขวด
กรณีที่ไม่ใช้ Article
1. ชื่อมื้ออาหาร เช่น breakfast
2. ชื่อทะเลสาป, ภูเขา เช่น Lake Superior
3. ชื่อภาษา, ชื่อวิชา เช่น French, Mathematics
4. ชื่อวัน เช่น Wednesday
5. เทศกาล, ฤดู เช่น Christmas, Easter, spring, summer, winter
6. ชื่อเมือง, รัฐ, ประเทศ เช่น Texas, Thailand
7. ชื่อทวีป เช่น Asia, Europe
8. นามนับไม่ได้ และนามพหูพจน์, นามไม่มีตัวตน, นามที่บอกวัสดุ ไม่ใช้ a และ an เช่น tigers, life, wood
9. สำนวนเกี่ยวกับ bed, home, work ต่อไปนี้ไม่ใช้ the คือ go to bed, in bed, finish work, start work, at work, go home, at home
10. คำนามต่อไปนี้ ในความหมายปกติไม่ใช้ the แต่ถ้าใช้ในความหมายอื่นจะใช้ the ได้แก่ bed, church, court, prison, hospital, market, class, school, college, university เช่น
- go to bed = ไปนอน แต่ go to the bed = ไปที่เตียง
- go to prison = ถูกขังคุก แต่ go to the prison = ไปที่คุก(เพื่อไปทำอย่างอื่นไม่ได้ไปเพื่อถูกขัง)
11. ไม่ใช้ article ตามหลัง kind of, sort of, type of, make of, brand of, variety of, species of, เช่น this brand of cigarette
12. Verb ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้ง คัดเลือก คือ appoint, choose, elect, select หรือ make ให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ดำรงตำแหน่งที่มีเพียงตำ แหน่งเดียว ไม่ต้องใช้ article หน้าตำแหน่งนั้น เช่น
- He was made President.
13. ชื่อกีฬาทุกชนิด

There is, There are

การใช้ There is และ There are
There is, There are
There is แปลว่า "มี" ใช้กับคำนามนับได้เอกพจน์ และคำนามนับไม่ได้
There are แปลว่า"มี" ใช้กับคำนามนับได้พหูพจน์
ยกตัวอย่าง เช่น There is / There are มีความหมายว่า "มี"  ใช้เมื่อต้องการจะบอกว่า "มีอะไรอยู่ที่ไหน"
How many plates are there on the table? (มีจานอยู่บนโต๊ะกี่ใบ)
There is a plate on the table. (มีจานอยู่บนโต๊ะ 1 ใบ)
How many apples are there in the basket? (มีแอ๊ปเปิ้ลอยู่ในตะกร้ากี่ผล)
There is an apple in the basket. (มีแอ๊ปเปิ้ลอยู่ในตะกร้า 1 ผล)
How many cups are there in the  cupboard ? (มีถ้วยอยู่ในตู้กี่ใบ)
There are twelve  cups  in  the  cupboard. (มีถ้วย 12 ใบ อยู่ในตู้)
    1. There is ใช้นำหน้าคำนามเอกพจน์ หรือคำนามนับไม่ได้ เช่น
There is  a bottle of  jam  in the  fridge. (มีแยม 1 ขวดอยู่ในตู้เย็น)
There is an apple in the basket. (มีแอ๊ปเปิ้ลอยู่ในตะกร้า 1 ผล)
There is pepper in the bottle.  (มีพริกไทย อยู่ในขวด)
There is soup in the bowl (มีซุปอยู่ในชาม) 
There is yogurt  in the glass. (มีโยเกิตอยู่ในแก้ว)
2. There are   ใช้นำหน้าคำนามพหูพจน์ เช่น ถ้าเป็นคำนามนับไม่ได้นำคำนามนั้นมาใส่ภาชนะ
     หรือสิ่งที่บรรจุอยู่เสมอ เช่น
There are two  mangoes   in the  fridge. (มีมะม่วง 2 ผลอยู่ในตู้เย็น)
There are  three cans of coke in the fridge. (มีโค้ก 3 กระป๋องในตู้เย็น)
There are  four cherries  in the fridge . (มีเชอรี่ 4 ผลอยู่ในตู้เย็น)
There are three jars  of  jam  in  the fridge . (มีแยม 3 ขวดโหลอยู่ในตู้เย็น)
There are  two kilos of pork  in the fridge . (มีหมู 2 กิโลอยู่ในตู้เย็น)

วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเรื่องการทักทาย

การทักทายแบบเป็นทางการ
  1. Good morning  ใช้ทักทาย ช่วงเวลา 05.00-12.00
  2.Good  afternoon  ใช้ทักทาย ช่วงเวลา 13.00-17.00
  3.Good  evening   ใช้ทักทาย ช่วงเวลา 18.00 เป็นต้นไป